Background



การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร
กิจกรรมการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร 2565
2 มีนาคม 2565

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ กิจกรรมการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร ได้ที่นี่

เอกสารแนบ
ประชาสัมพันธ์ การตอบแบบประเมิน EIT ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-31 พฤษภาคม 2565
1 มีนาคม 2565

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ ประชาสัมพันธ์ การตอบแบบประเมิน EIT ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-31 พฤษภาคม 2565 ได้ที่นี่

ประชาสัมพันธ์ การตอบแบบประเมิน IIT ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-31 พฤษภาคม 2565
1 มีนาคม 2565

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ ประชาสัมพันธ์ การตอบแบบประเมิน IIT ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-31 พฤษภาคม 2565 ได้ที่นี่

การมีส่วนร่วมของประชาชนกับการปกครองส่วนท้องถิ่น
27 สิงหาคม 2564

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ การมีส่วนร่วมของประชาชนกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ที่นี่

เอกสารแนบ
คู่มือการปฏิบัติงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
27 สิงหาคม 2564

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ คู่มือการปฏิบัติงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ที่นี่

เอกสารแนบ
คู่มือ การปฏิบัติงาน ทะเบียนประวัติข้าราชการและพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
27 สิงหาคม 2564

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ คู่มือ การปฏิบัติงาน ทะเบียนประวัติข้าราชการและพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ที่นี่

เอกสารแนบ
โครงการอบรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมอิสลาม พ.ศ.2564
23 เมษายน 2564

0


โครงการอบรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมอิสลาม  พ.ศ.2564

เอกสารแนบ
เรื่องนโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดี
10 ธันวาคม 2563

0


ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารเกี่ยวกับ เรื่องนโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดี ได้ที่นี่
วันปิยมหาราช ประจำปี 2563
26 ตุลาคม 2563

0


วันปิยมหาราช

             วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี ภาษาอังกฤษคือ Chulalongkorn Day เป็นวันสำคัญ และวันหยุดราชการวันหนึ่งของไทย โดยวันนี้เป็นวันที่คนไทยรู้จักกันดีคือ “วันเลิกทาส” ตั้งแต่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 และห้ามมีการซื้อขายทาสอีกในประเทศไทย

ประวัติของวันปิยมหาราช

 

               วันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยหลายด้าน และสิ่งที่โดดเด่นคือ การประกาศเลิกทาส เป็นการหยุดวงจรการเป็นทาส เพราะเมื่อสมัยก่อนหากพ่อแม่เป็นทาส ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นทาสต่อไปเรื่อยๆ ทางราชการจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีเป็นหนึ่งในวันระลึกถึงความสำคัญของเหตุการณ์ในชาติ โดยเรียกว่า “วันปิยมหาราช” พร้อมทั้งกำหนดให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการ

ความสำคัญ

 

            วันปิยมหาราช เป็นวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในทุกๆ ปีหน่วยงานราชการจะมีการวางพวงมาลาดอกไม้ ที่พระบรมรูปทรงม้าอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

การเลิกไพร่ เลิกทาส

แต่ดั้งเดิมนั้นประเทศไทยของเรา มีพลเมืองที่เป็นชนชั้นทาสมากกว่า 30% ของพลเมืองทั้งประเทศ เนื่องจากการได้รับวรรณะทาสนั้นจะถูกสืบจากสายเลือด หากพ่อแม่เป็นทาส ลูกก็จะเป็นทาสด้วย โดยทาสนั้นแบ่งออกเป็น 7 ประเภทใหญ่ๆ

 

  1. ทาสสินไถ่: เกิดจากการขายตัวเป็นทาส ทาสประเภทนี้มักยากจน
  2. ทาสในเรือนเบี้ย: เกิดจากการที่แม่เป็นทาส พ่อเป็นนายทาส
  3. ทาสมรดก: เกิดจากการส่งต่อมรดกของนายทาสที่เสียชีวิตลง ส่งให้นายทาสคนต่อไป
  4. ทาสท่านให้: ทานที่ได้รับมาจากผู้อื่น
  5. ทาสทัณฑ์โทษ: กรณีที่บุคคลนั้นถูกลงโทษ แต่ไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ได้หมด ถ้าหากมีนายทาสมาช่วยเหลือ ถือว่าบุคคลนั้นกลายเป็นทาสของนายทาสคนนั้น
  6. ทาสที่ช่วยไว้จากความอดอยาก: คือการขายตนเองให้นายทาส เพื่อหลีกหนีจากความอดอยากที่เผชิญอยู่
  7. ทาสเชลย: เกิดจากการที่ประเทศหรือพลเมืองนั้นๆ แพ้สงคราม จึงถูกผู้ชนะสงครามนำคนเหล่านั้นไปเป็นทาสรับใช้

 

การจะหลุดออกจากการเป็นทาสนั้นมี 6 วิธี

 

  1. การหาเงินมาไถ่ถอนตนเอง
  2. การบวชที่ต้องได้รับการยินยอมจากนายทาส
  3. การหลบหนีจากการเป็นเชลยในสงคราม
  4. การแต่งงานกับชนชั้นสูงกว่า
  5. การแจ้งความนายจ้างว่าเป็นกบฏ และตรวจสอบว่าเป็นจริง
  6. การประกาศจากรัชกาลที่ 5 ให้มีการเลิกทาส

 

 

กิจกรรมในวันปิยมหาราช

                วันปิยมหาราช ในวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี หน่วยงานต่างๆ จะมาวางพวงมาลาดอกไม้สักการะ และถวายบังคมที่พระบรมรูปทรงม้า พร้อมด้วยการจัดนิทรรศการเผยแพร่พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ในวันปิยมหาราชของทุกๆปี

การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร
3 มิถุนายน 2563

0


การจัดการองค์การรู้

องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทอง  อำเภอเมือง  จังหวัดกระบี่

         การส่งเสริมการจัดการความรู้ (Knowledge Management) 

การพัฒนาส่วนราชการให้เป็น“องค์การแห่งการเรียนรู้”โดยอาศัยกระบวนการ“การจัดการความรู้”ในยุคที่มีการแข่งขันและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่วนราชการต้องสร้างให้ข้าราชการในส่วนราชการมีความรู้เข้มแข็งและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยผลักดันส่วนราชการให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์30โดยในขั้นตอนของการแปลงแผนการปฏิบัติราชการสู่การปฏิบัติจริงนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบหลายประการที่จะช่วยผลักดันสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ดังนี้ 

          1.การปรับโครงสร้างองค์การพื้นฐานเพื่อรองรับบุคลากรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้สะดวก เช่น สถานที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ
          2. การปรับขั้นตอนการทำงานให้รวดเร็ว และกระชับมากขึ้น เพื่อเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น
          3. การพัฒนาคนให้มีขีดความสามารถ มีระบบการยกย่องชมเชย และการให้รางวัลที่เอื้อต่อการจัดการความรู้ และมีวัฒนธรรมการทำงานเชิงรุก และวัฒนธรรมของการแลกเปลี่ยน และแบ่งปันความรู้ระหว่างบุคลากรในองค์การ  
          4. ปรับกฎระเบียบ และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) 

 แผนการจัดการองค์ความรู้ประเด็นที่ 1 การส่งเสริมจิตสำนึกและพฤติกรรมการปฺฏิบัติงาน โดยยึดมั่นตามหลักธรรมมาภิบาลในการบริหารงานบุคคล
              - ประกาศคุณธรรมจริยธรรม
             - แนวทางปฏิบัติด้านคุณธรรมจริยธรรม
             - ประกาศเจตนารมณ์การป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
             - ข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการ
             - นโยบายกำกับดูแลองค์การที่ดี
             - แผนการเสริมสร้างวินัยคุณธรรม จริยธรรม และป้องกันการทุจริต
     แผนการจัดการองค์ความรู้ประเด็นที่ 2 การพัฒนาความรู้แก่พนักงานส่วนตำบล
            - คู่มือการสวัสดิ์การพนักงานส่วนตำบล
            - คู่มืองานสารบรรณ
            - คู่มือปฏิบัติงานด้านพัสดุ
            - คู่มือปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี
           - คู่มือการจัดทำงบประมาณ
           - คู่มือการปฏิบัติงานกองทุกหลักประกันสุขภาพ
           - คู่มือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
           - คู่มือปฏิบัติงานความรับผิดทางละะเมิด
          - ตัวอย่างคำสั่งบริหารงานบุคคล



องค์ความรู้ (KM) ที่เกี่ยวข้อง
     1. องค์ความรู้ภายในองค์กร ความรู้ภายในองค์กร
                 - แผนพัฒนาบุคลากร
     2. องค์ความรู้ภายนอกองค์กร ความรู้ภายนอกองค์กร
                   - พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2552
                  - พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
                  - ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ.2547 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554
                  - ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
                  - ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริการราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
                  - ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
                  - ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548
18 มีนาคม วันท้องถิ่นไทย
19 มีนาคม 2562

0


ประวัติท้องถิ่นไทย

                   ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบประกาศให้วันที่ 18 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันท้องถิ่นไทย” ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมา เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกคร องส่วนท้องถิ่น และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพร ะจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย

                  ทั้งนี้ การกำหนดวันท้องถิ่นไทยให้ตรงกับวันที่ 18 มีนาคมของทุกปี มีแนวคิดมาจากการที่ จังหวัดสมุทรสาคร จัดงานประเพณี 18 มีนาคม สุขาภิบาลท่าฉลอม โดยมีจุดกำเนิดมาจากการที่สุขาภิบาลท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแร กของประเทศไทย และมีการจัดงานเป็นประจำทุกปี

                “สืบเนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำรัสในวันประชุมเสนาบดีภายหลังเสด็จฯ ประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ ว่าโสโครกเหมือนกับตลาดท่าจีน (ท่าฉลอม) นี่คือจุดพัฒนาจนก่อกำเนิดสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย”

                 ท่าฉลอม เดิมเป็นตำบลหนึ่งอยู่ในการปกครองของอำเภอเมืองสมุทรสาคร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนตรงข้ามกับตำบลมหาชัย ซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดสมุทรสาคร ในอดีตการคมนาคมระหว่างตำบลท่าฉลอมกับตำบลมหาชัยมีอยู่ทางเดียว คือต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนซึ่งมีท่าเรืออยู่หน้าเมือง จึงเป็นที่มาของเพลง “ท่าฉลอม กับมหาชัย” ที่ครูเพลงชาลี อินทรวิจิตร แต่งให้ ชนินทร์ นันทนาคร ร้องจนโด่งดังเป็นเพลงอมตะที่ชาวสมุทรสาครและคนทั่วไปรู้จักเพล งนี้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันถนนและสะพานตัดข้ามแม่น้ำท่าจีนเชื่อมต่อถนนพระราม 2 ถึงท่าฉลอม จึงทำให้การคมนาคมมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

                สุขาภิบาลท่าฉลอม ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีพระบรมราชโองการประกาศจัดตั้งสุขาภิบาลตลาดท่าฉลอม พร้อมกับพระราชทานชื่อถนนว่า“ถนนถวาย” ซึ่งประชาชนชาวตำบลท่าฉลอมได้ร่วมกันสละที่ดินและเงินสร้างไว้ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2448 จนถึงวันนี้ก็นับเป็นเวลาได้ 106 ปี แล้ว

                 ย้อนอดีต ไปในปี พ.ศ.2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชดำริที่จะกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ พระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศกที่) 116 ขึ้น ภายหลังที่ทรงส่งคนไปศึกษาดูงานการปกครองในแถบประเทศยุโรป และได้เริ่มทำการทดลองศึกษาขึ้นในกรุงเทพมหานคร สุขาภิบาลนี้ในชั้นต้นให้มีหน้าที่ทำลายขยะมูลฝอย การจัดเก็บที่ถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะของประชาชนคนทั่วไป จัดการห้ามต่อไปภายหน้าอย่าได้ปลูกสร้างหรือซ่อมโรงเรือนที่จะเ ป็นเหตุให้เกิดโรค ขนย้ายสิ่งโสโครกและสิ่งรำคาญของมหาชนไปให้พ้นเสีย การบริหารงานของสุขาภิบาลกรุงเทพฯ นี้ ดำเนินการโดยข้าราชการทั้งหมด โดยมีเสนาบดีกระทรวงนครบาลเป็นผู้กำหนด เมื่อพิจารณารูปแบบการปกครองแล้วจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า สุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ.116 เป็นการปกครองท้องถิ่น เนื่องจากประชาชนมิได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใด เป็นการดำเนินการโดยข้าราชการและใช้จ่ายงบประมาณจากส่วนกลาง

               พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งเสด็จประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ (เมืองพระประแดง สมุทรปราการ) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ร.ศ.124 ทรงทอดพระเนตรเห็นสภาพตลาดเมืองนครเขื่อนขันธ์สกปรกมาก และทรงมีพระราชดำรัสในที่ประชุมเสนาบดีว่า “โสโครกเหมือนกับตลาดท่าจีน” (ตลาดท่าฉลอม) จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ร้อนพระทัยมากทรงคิดหาวิธีร่วมกับ พระยาพิไชยสุนทร ผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาคร ทางพระยาพิไชยสุนทรจึงได้เชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพ่อค้าชาวจีนในตลาดท่าฉลอมมาประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาหาทาง ปรับปรุงแก้ไข ซึ่งได้ข้อสรุปว่าประชาชนและพ่อค้าชาวจีน ยินดีที่จะออกเงินซื้ออิฐปูถนน แต่ขอให้ทางผู้ว่าราชการเมืองเป็นผู้ทำถนน โดยใช้แรงงานนักโทษทำการปรับพื้นดินและเก็บกวาดขยะมูลฝอยขนไปเท ทิ้งเป็นครั้งคราว โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จออกตรวจดูการดำเนินงานก่อสร้างถนนในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ร.ศ.124 ถนนสายนี้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้เรี่ยไรกันเป็น จำนวนเงิน 5,472 บาท เป็นถนนปูอิฐกว้าง 2 วา ยาว 11 เส้น 14 วา และทรงมีพระดำริว่า ถนนสายนี้เป็นของราษฎรได้ลงทุนเสียสละเงินเป็นจำนวนมาก หากไม่มีแผนรองรับการซ่อมแซมไว้ให้ดีแล้วอาจชำรุดเสียหาย ทรงเห็นเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้ภาษีโรงร้านให้เป็นภาษีสำหรับสุข าภิบาล จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานเงินภาษีโรงร้านตลาดท่าฉลอมมาใช้ทำน ุบำรุงท้องถิ่นในกิจการ 3 ประเภท คือ ซ่อมแซมถนน จุดโคมไฟให้มีแสงสว่างในเวลาค่ำคืน และจัดจ้างคนงานสำหรับกวาดขยะมูลฝอย

               ข้อเสนอในการใช้ภาษีโรงร้านนี้ ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หั ว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2448 จึงนับได้ว่าเป็นวันกำเนิดสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีคณะกรรมบริหารชุดแรกประกอบด้วย 1.หลวงพัฒนาการภักดี กำนันตำบลท่าฉลอม 2.ขุนพิจารณ์นรกิจ 3.ขุนพินิจนรภาร 4.จีนพัก 5.จีนศุข 6.จีนเน่า 7.จีนอู๊ด และ 8.จีนโป๊ะ ผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังเมืองสมุทรสาครโดยทางรถไฟเพื่อทรงเปิ ด “ถนนถวาย” ที่ประชาชนชาวตำบลท่าฉลอมมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันเสียสละเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ต่อมาจึงได้ถือเอาวันที่ 18 มีนา